วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2557

เรื่องความรู้การใช้งานของ Facebook, Twitter, Google+, Youtube, Line

 เรื่องความรู้การใช้งานของ Facebook, Twitter, Google+, Youtube, Line รู้จักกับ Facebook และการใช้งาน












Facebook กับการใช้งาน 






เริ่ม...การใช้งาน Facebook


ในโลกสังคมออนไลน์ Facebook เป็นหนึ่งใน เว็บไซต์ประเภท Social Networking (เว็บสังคม) ที่ใหญ่มากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก


ที่ต่างมาร่วมแบ่งปันความรู้สึก ความคิดเห็น รวมทั้งการหาเพื่อนๆ สมัยเด็กๆ หรือจะทำธุรกิจ Promoteสินค้าผ่านทาง Facebook ก็ได้ด้วยเช่นกัน




ทำความรู้จักกับ.... Facebook


Social Networking คำแปลที่หมายถึง เครือข่ายสังคม ซึ่งก็คือ หมายถึง เครือข่ายสังคมในโลกออนไลน์อย่างอินเตอร์เน็ต ที่สามารถเชื่อมโยงคนต่างๆ จากทุกมุมโลกเข้าด้วยกัน ทำให้เราสามารถแบ่งปันข้อมูล ความรู้ และโดยเฉพาะความรู้สึกให้แก่กันได้ง่ายๆ 


ปัจจุบันเว็บที่ให้บริการลักษณะนี้มีมากมายหลายเว็บ 
แต่ที่ดังมากที่สุดมีหลายแห่ง ได้แก่


www.facebook.com
www.Twitter.com
www.multiply.com
www.hi5.com
www.friendster.com

Facebook คืออะไร


Facebook ก็คือ Soical Networking เว็บไซต์หนึ่งที่มีผู้นิยมใช้งานกันมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 


แค่เราสมัครเป็นสมาชิกกับ Facebook เราก็จะสามารถแบ่งปันข้อมูล รูปภาพ ความรู้สึกผ่านทางหน้าเว็บไซต์ของ Facebook ได้ 


ที่สำคัญมากที่เป็นจุดประสงค์หลักของ Facebook ก็คือ การหาเพื่อนเก่าผ่านทาง Facebook และสามารถหาเพื่อนใหม่ๆ ได้จากทุกมุมโลกเช่นกัน? 


แต่ดูเหมือนว่า Facebook จะมีหลักการเช่นเดียวกันการบันทึกลง "หนังสือรุ่น" นั่นเอง แต่แน่นอน เนื่องจากเป็นเว็บไซต์ Facebook จึงทำอะไรๆ ได้มากมายก็ หนังสือรุ่นธรรมดา




จุดเริ่มต้นของ Facebook


Mr. Mark Zuckerburg ผู้จุดประกายจุดเริ่มต้นของ Facebook


ในสมัยที่เป็นนักศึกษา มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้แนวคิดมาจาก การเขียนหนังสือที่ใช้สำหรับแนะนำตัวกับเพื่อนใหม่ในชั้นเรียน และนำมาดัดแปลงมาเป็นเว็บไซต์ในโลกของอินเตอร์เน็ต เริ่มต้นก็ใช้ในระดับมหาวิทยาลัย และแพร่กระจายไปเรื่อยๆ จนกระทั่งยิ่งใหญ่ในปัจจุบัน


ดังนั้น Mr. Mark Zuckerburg ได้กลายเป็นเศรษฐีที่อายุน้อยคนหนึ่งของโลกเลยทีเดียว


ปัจจุบัน Facebook ได้มีการแปลเป็นภาษามากมาย รวมทั้งภาษาไทยด้วย
และที่ทำให้เป็นที่นิยมอย่างรวดเร็วมาก ก็เพราะเป็นการให้บริการฟรี 


การบริการของ Facebook แบ่งออกได้ 2 ช่องทาง

1.www.facebook.com- เวอร์ชั่นหลักๆ หรือ Original

2.http://lite.facebook.com- เวอร์ชั่นเบาๆ ที่ทำงานได้รวดเร็วมาก 



วิธีการสมัคร Facebook

สำหรับผู้สนใจ จะใช้งาน Facebook ก็เพียงแค่มี E-mail address เท่านั้น คุณก็สามารถสมัครเป็นสมาชิกได้แล้ว แต่ถ้ายังไม่มีก็แนะนำให้รีบไปสมัครใช้บริการฟรีอีเมลต่างๆ เช่น Gmail.com, Hotmail.com, Yahoo.com เป็นต้น แต่อย่างไรก็ตาม ไม่อยากแนะนำให้ใช้อีเมลของบริษัท เพราะเวลาเราย้ายงาน จะทำให้อีเมล์นั้นถูกยกเลิกไป และที่สำคัญอีกอย่าง นี่เป็นเรืองส่วนตัวๆ ไม่ใช่เรื่องงาน



ขั้นตอนการลงทะเบียนหรือสมัครใช้บริการ Facebook




1 คลิกเข้าไปที่ www.facebook.com

2 กรอกรายละเอียดในหน้าแรก เพื่อสมัครสมาชิก (แนะนำให้กรอกข้อมูลตามความเป็นจริง และโดยเฉพาะ E-mail เพราจะต้องมีการยืนยันการใช้งานผ่าน E-amil ด้วย)

3 กดปุ่ม "ลงทะเบียน" ถ้าเป็นภาษาอักกฤษคือ "Sign Up"

4 ทำตามขั้นตอนต่างๆ ที่หน้าจอ ซึ่งจะมีข้อมูลให้กรอกชื่อของโรงเรียน การอัปโหลดรูปภาพ เป็นต้น

5 หลังจากนั้น ระบบจะทำการส่ง E-mail ไปให้คุณตามที่ได้กรอกในขั้นตอนสมัคร และให้คุณเปิดและคลิกลิงค์ ยืนยันการรับ E-mail ด้วย
(ถ้าไม่ได้รับ mail ใน Inbox ให้ลองตรวจสอบในโฟลเดอร์ JunkMail ด้วย

6 ภายใน E-mail จะมี ลิงค์ให้เรากดเพื่อยืนยันการใช้งาน 

แค่นี้ก็เป็นอัน เสร็จสิ้นในขั้นตอนการสมัครใช้บริการแล้ว 
จากนั้นคุณก็สามารถเข้าไปใช้บริการของ Facebook ได้แล้ว 
ยินดีกับสมาชิกใหม่ด้วยนะคะ



เริ่มการใช้งาน Facebook


แน่นอน สิ่งแรกที่เราจำเป็นก่อนใช้งาน Facebook นั้นคือ การ Login เข้า Facebook 
ในหน้าแรกของเว็บไซต์ www.facebook.com 


และทุกครั้งก่อนเลิกใช้งาน ก็อย่าลืม Logout เพื่อออกจากระบบ
เพราะไม่อยากนั้น คนอื่น อาจแอบมาใช้งาน Facebook ของเราได้




การใช้งาน Facebook

1 กรณีใช้งานในร้านอินเตอร์เน็ต หรือสถานที่ใดๆ ที่ไม่ใช่ที่บ้านของเรา ในช่องของการ Login จะมี ช่องสี่เหลี่ยมแสดงข้อความ "keep me logged in"? ซึ่งจะใช้สำหรับการจำค่าของ Login ของคุณ คุณไม่ควรเลือกหัวข้อนี้


2 ทุกครั้งหลังเลิกใช้งาน จะต้องทำการ Logout ทุกครั้ง (อยู่ด้านบนของหน้าต่าง Facebook)


3 กรณี ลืมรหัสผ่าน หรือ Password เราก็สามารถให้ระบบส่งรหัสผ่านทางอีเมลของเราได้ โดยคลิกผ่าน Forgot Password Facebook


- โดยการคลิก "Forgot your password?"
- พิมพ์ข้อความ ตัวอักษรที่แสดงบนหน้าจอ
- พิมพ์ชื่ออีเมล ที่เราสมัครสมาชิกไว้
- กดปุ่ม Reset Password (Facebook จะทำการส่งรหัสผ่านให้ทางอีเมล)
แค่นี้เราก็สามารถกลับมาใช้งาน Facebook ได้ดังเดิมแล้ว





การเปลี่ยนภาษา


เนื่องจาก Facebook รองรับการใช้งานภาษาต่างๆ ได้มากมาย รวมทั้งภาษาไทยด้วย ถ้าเราต้องการใช้งานภาษาไทย หรือภาษาอื่นๆ เราสามารถเปลี่ยนได้ตามภาพด้านล่างนะคะ โดยเข้าไปที่ setting (ตั้งค่าบัญชีผู้ใช้)










การยกเลิกการใช้งานใน Facebook


(ความจริงไม่ควรเลิก เพราะถ้าเราไม่ใช้เราก็ไม่เข้าไปก็ได้นะคะ)


สำหรับหลายๆ คนที่ใช้งาน Facebook และไม่อยากใช้งาน Facebook อีกต่อไป จะด้วยเหตุผลต่างๆ ใดๆ ก็ตามหรือไม่สะดวกในการใช้งานอินเตอร์เน็ต อยากแนะนำให้เราทำการยกเลิกสมาชิก Facebook ด้วย เพราะไม่งั้น จะให้การค้นหาชื่อของเรายังคงอยู่ เพื่อนๆ ที่เราติดต่อด้วยก็จะสับสน เพราะไม่สามารถติดต่อเราได้


ขั้นตอนการยกเลิกการใช้งาน Facebook


1 ให้ทำการ Login เข้าเว็บไซต์ Facebook แบบปกติ
2 ให้คลิกหัวข้อ Settings (ตั้งค่าบัญชีผู้ใช้)
3 ในแท็ป Setting ให้คลิกหัวข้อด้านล่าง "Deactivate Account"
4 เลือกเหตุผลที่เราไม่ต้องการใช้งาน Facebook
5 จะมีช่องให้ใส่เหตุผลเพิ่มเติมด้วย
6 คลิกปุ่ม "Deactivate My Account" เพื่อยืนยัน

Twitter

ทวิตเตอร์ (Twitter) เป็นบริการเครือข่ายสังคมออนไลน์จำพวกไมโครบล็อก (Micro Blogging) โดยผู้ใช้สามารถส่งข้อความยาวไม่เกิน 140 ตัวอักษร ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่หรือ Re-tweet ข่าวสารที่น่าสนใจของคนอื่น และข้อความที่ส่งถึงกันมีศัพท์เรียกว่า "Tweets" ซึ่งเปรียบเหมือนเสียงนกร้องอยู่ตลอดเวลา ข้อความที่จะส่งนั้นต้อง เป็น Plain text เท่านั้นจะแทรกคำสั่งโปรแกรมอะไรไม่ได้ ยกเว้นแต่ Hyperlink
ทวิตเตอร์ก่อตั้งโดยบริษัท Obvious Corp เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2006 ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา
ข้อความอัปเดตที่ส่งเข้าไปยังทวิตเตอร์จะแสดงอยู่บนเว็บเพจของผู้ใช้คนนั้นบนเว็บไซต์ และผู้ใช้คนอื่นสามารถเลือกรับข้อความเหล่านี้ทางเว็บไซต์ทวิตเตอร์, อีเมล, เอสเอ็มเอส, เมสเซนเจอร์ (IM), RSS, หรือผ่านโปรแกรมเฉพาะอย่าง Twitterific Twhirl ปัจจุบันทวิตเตอร์มีหมายเลขโทรศัพท์สำหรับส่งเอสเอ็มเอสในสามประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และสหราชอาณาจักร
ตัวอย่างหน้าทวิตเตอร์ของผู้ใช้รายหนึ่ง
การเล่น Twitter คือ การติดตามผู้คนที่สนใจในเรื่องเดียวกับเรา เช่น ท่องเที่ยว, อาหาร เทคโนโลยี, ธรรมะ ฯลฯ หรืออาจเป็นการติดตามบุคคลที่เราสนใจ หลังจากที่เราติดตาม (follow) ใครสักคน  ข้อความ Tweets ของคนๆ นั้นก็จะปรากฏบนหน้าต่าง Twitter ของเรา (แน่นอน ด้วยข้อความที่ไม่เกิน 140 ตัวอักษร) หากคนที่คุณ follow สนใจในคุณเช่นกัน  พวกเขาก็สามารถติดตามคุณได้เช่นกัน (เราเรียกคนที่ติดตามเราว่า followers) เมื่อการติดตามเกิดขึ้นเครือข่ายของคุณก็เกิดขึ้นแล้วเช่นกัน
ตัวระบบซอฟต์แวร์ของทวิตเตอร์ เดิมพัฒนาด้วย Ruby on Rails จนเมื่อราวสิ้นปี ค.ศ. 2008 จึงได้เปลี่ยนมาใช้ภาษา Scala บนแพลตฟอร์มจาวา
ค.ศ. 2009 ทวิตเตอร์ได้รับความนิยมสูงขึ้นอย่างมาก จนนิตยสารไทม์ ฉบับวันที่ 15 มิ.ย. 2009 ได้นำเอาทวิตเตอร์ขึ้นปก เป็นเรื่องเด่นประจำฉบับ และบทบรรณาธิการกล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงการนำเสนอข่าว ที่มีที่มาจากเทคโนโลยีใหม่อย่างทวิตเตอร์
ทวิตเตอร์เป็นเว็บไซต์ที่ก่อตั้งขึ้นโดย แจ็ก คอร์ซีย์ ,บิซ สโตน และ อีวาน วิลเลียมส์ เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2006

ประโยชน์ของทวิตเตอร์ (Twitter) :
  1. เพื่อนฝูงรู้ Status คุณและไม่ขาดการติดต่อกับเพื่อนฝูง ในทวิตเตอร์ คุณสามารถเขียนข้อความเกี่ยวกับตัวคุณในปัจจุบันว่ากำลังทำอะไร อยู่ที่ไหน เพื่อนๆ ที่ติดตามคุณ (Followers) ก็จะรู้ได้ และในขณะเดียวกันคนอื่นที่คุณติดตามอยู่ (Following) คุณก็สามารถรู้ Status ของเขาได้ด้วยเช่นกัน
  2. ได้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้น จากบุคคลที่เรา Following เช่น ถ้าบุคคลที่เราติดตามมีการอับเดทข้อความที่เป็นสาระความรู้ และหากมีลิ้งค์ไปยังแหล่งข้อมูลนั้นด้วย คุณก็สามารถคลิกไปดูแหล่งข้อมูลความรู้นั้นได้เลย
  3. ติดตามข่าว คุณสามารถอ่านรายงานสดจากยูสเซอร์ของทวิตเตอร์คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์หรือสถานที่เกิดเหตุ และยังสามารถติดตามอ่านข่าวจาก CNN (www.twitter.com/cnn หรือเรียกย่อๆ ว่า @CNN) ติดตามอ่านข่าวจาก@NYTimes, @BreakingNewsOn, @nprnews, @weirdnews,  @MarsPhoenix, @Astronautics ฯลฯ
  4. เป็นช่องทางติดต่อกับบริษัทผู้ผลิต บริษัทมากมายล้วนแล้วแต่มีแอ็กเคานต์ทวิตเตอร์ให้คุณใช้ในการติดต่อ คุณสามารถใช้ทวิตเตอร์เป็นช่องทางในการร้องเรียนได้หรือสอบถามได้ บริษัทใหญ่ที่มีแอ็กเคานต์ของทวิตเตอร์ เช่น Zappos, Starbucks, Whole Foods, JetBlue และอื่นๆ อีกมาก
  5. ขอความช่วยเหลือ ล้กษณะเดียวกับบล็อกหรือฟอรัม ทวิตเตอร์คือสถานที่ที่เหมาะอีกแห่งหนึ่ง สำหรับการตั้งคำถาม ที่คุณไม่อยากจะไปค้นหาคำตอบ ด้วยตัวเอง รวมไปถึงการขอความช่วยเหลือ โอเว่น ริ้งเคิ้ล ผู้พัฒนาทวิตเตอร์บอกกับเราว่า ปัญหาที่คุณเคยใช้เวลาคิด 5 นาที อาจได้คำตอบออกมาภายในเวลา 10 วินาทีบนทวิตเตอร์ แต่นี่หมายถึงอย่างน้อยคุณต้องมีเพื่อนๆ ในชีวิตจริงตามดู (follow) ทวิตเตอร์ของคุณอยู่ และแน่นอนว่าถ้าจะให้เกิดประโยชน์สูงสุด คุณก็ควรตามดูทวิตเตอร์ของเพื่อนด้วย เพื่อเป็นการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
  6. โปรโมตผลงาน/เวบไซต์ของคุณหรือของบริษัทคุณ หรือแนะนำเวบไซต์อื่นๆ ที่น่าสนใจ ทวิตเตอร์เป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับการโปรโมตผลงาน, ประชาสัมพันธ์ หรือแนะนำเวบไซต์ และพยายามให้มีลิงก์โปรโมตแต่พอควร ไม่ควรให้มีมากเกินเพราะจะทำให้คนอื่นรำคาญ และไม่ติดตามคุณอีก
  7. ได้รู้จักทั้งคนดังและหรือไม่ดัง และคนที่คุณอยากรู้จัก และสามารถหา Search ด้วยตัวคุณเองในช่อง Search
ไปยังหน้าเวบของ Twitter.com
google plus คืออะไร (Google+)
Google+ (Google Plus) คือโครงการของ Google ที่มีความพยายามมานานหลังจากมีการออกมายอมรับก่อนหน้านั้นว่า Google ขยับตัวช้าไปในเรื่องนี้แถมยังมีข้อเสนอพิเศษให้กับพนักงานที่สามารถคิดโครงการ Social Networks ให้ออกมาประสบความสำเร็จอีกด้วย
โดยก่อนหน้านี้เราคงเห็นปุ่ม Google + ที่เปิดตัวกันไปก่อนหน้านี้แล้วซึ่งหลายคนก็ยังมีข้อสงสัยกันอยู่ว่ากดไปแล้วมันจะได้อะไรแหล่งปลายทางของข้อมูลที่กด Google+
นั้นจะไปอยู่ที่ไหน
วันนี้ทาง Google เปิดตัว Social Networks ของตัวเองแล้วโดยใช้ชื่อว่า Google + (Plus) นั่นเองโดยเข้าไปเล่นกันได้ที่ https://plus.google.com

Google + ใช้ชื่อ Tagline เอาไว้ว่า “Real-life sharing, rethought for the web” ซึ่งแน่นอนนี่คือคำเฉลยของข้อมูลจากปุ่ม Google+ ที่ออกมาก่อนหน้านี้
จะเห็นว่าใน Google + นั้นมีการใช้คำว่า +Circles คือระบบเพื่อนนั่นเองที่จะสามารถสร้างกลุ่มเพื่อนเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ และสามารถกำหนดเป็นกลุ่มๆได้ อย่างเช่น “เพื่อน”, “ครอบครัว” และกำหนดจำนวนคนในกลุ่มได้มากกว่า 100 คนเพื่อใช้พูดคุยกันบนโลกออนไลน์ได้
ต่อจากนั้นก็เป็นเรื่องของการพูดคุยกันใน Google + โดยจะทีการใช้ชื่อว่า +Sparks ที่มันจะคอยทำหน้าที่กำหนดสิ่งที่เราสนใจต่างๆเพื่อเข้าไปแชร์ ดูข้อมูลหรือสนทนาได้ (แบบ Group ) ยกตัวอย่างเช่นเราสนใจเรื่อง “รถยนต์”, “การ์ตูน”, “แฟชั่น” เป็นต้น ซึ่งเราสามารถระบุสิ่งที่ชื่นชอบเหล่านั้นได้แล้วก็จะมีข้อมูล feed เข้ามาให้เราได้ดู คล้ายหลักการการเป็น Fan ของ Facebook นั้นเองที่เรากด Like แล้วเมื่อต้นทางมีการอัพเดทข้อมูลเราก็จะได้เห็นด้วย แต่ +Sparks จะดึงข้อมูลจาก Internet ที่มากกว่าผ่านปุ่ม Google + เข้ามาแสดงผลด้วยซึ่งมันรองรับภาษาถึง 40 ภาษาในช่วงการเปิดตัวนี้เลย
ฟีเจอร์ต่อไปนี้ถือว่าหลายคนคงชื่นชอบนั้นคือ +Hangouts ฟังชื่อก็รู้แล้วว่ามันต้องเจ๋งแน่ๆ เพราะมันเป็นการกำหนดอนาคตว่าเราต้องการจะไปปาร์ตี้ (ไปทำอะไรก็แล้วแต่) โดยเพื่อนๆสามารถเห็นว่าเรา “ว่าง” พร้อมที่จะออกไปสนุกสนานเรียกให้เพื่อนๆเข้ามาสนุกกับเราด้วย หรือจะเรียกว่ามันคือฟีเจอร์นัดพบก็ว่าได้ แต่มันก็ไม่จำเป็นแค่เพื่อนเท่านั้นที่จะมาเจอกัน เพื่อนของเพื่อนหรือจะใครต่อใครก็ได้เช่นกัน
ขาดไม่ได้เลยในยุคนี้คือ Chat และแน่นอน Google ให้ความสำคัญกับฟีเจอร์นี้พอสมควรโดยใช้ชื่อฟีเจอร์นี้ว่า + Huddle ซึ่งมันสามารถทำการพูดคุยกันเป็นกลุ่มๆได้ด้วยเหมาะสำหรับการทำเป็น Gang ซึ่งถ้าหลายคนเคยใช้งาน BlackBerry Messenger คงคุ้นกับการสนทนาเป็น Group messaging นี้ดี
และเพื่อให้ Google + สมบูรณ์แบบก็จะต้องมีบนมือถือด้วยโดย Google + พร้อมให้ดาวน์โหลดไปใช้บนมือถือที่เรียกว่า +Mobile โดยมีฟีเจอร์ต่างๆที่กล่าวมาข้างต้นครบสมบูรณ์บนมือถือกันเลย ซึ่งในอนาคตมันคงจะเข้าไปอยู่บนระบบ Android ที่เป็นระบบปฏิบัติการบนมือถือของ Google อีกด้วย โดยไปดาวน์โหลดมาใช้งานกันได้แล้วที่ A ndroid market
ว่าแล้วก็ไปลองใช้ Social Networks ตัวล่าสุดนี้กันเลยว่าจะสู้ Facebook อย่างที่ทาง Google คาดหวังไว้หรือไม่
ขณะนี้ (13 กค.54) ผู้ใช้ google+ มียอดคนใช้ถึง 10 ล้านคนทั่วโลกแล้ว

Youtube คืออะไร

Youtube คืออะไร

Youtube คือเว็บไซต์ประเภท Social Media VDO Sharing ซึ่ง ผู้ใช้จะเป็นผู้ Upload VDO ขึ้นไปเพื่อ Share กับ User ท่านอื่น เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน ความบันเทิง ข่าวสาร กิจกรรมต่างๆ

Youtube เป็นเว็บไซต์ที่รวบรวมผู้คนมากมายหลากหลายประเภท พวกเขาเข้ามาด้วยวัตถุประสงค์ต่างๆ นาๆ บางคนมาหาเพื่อนใหม่ บางคนเล่น Youtube เฉพาะกลุ่มเพื่อน บางคนเล่น Youtube เพื่อเข้ามาอัพเดตข่าวสาร บางคนเล่น Youtube เพราะหน้าที่การงาน

เมื่อสมัคร User แล้ว ก็จะมีพื้นที่ส่วนตัวในการสร้าง Channel เป็นของตัวเอง สามารถ สร้าง Playlists ได้ นอกจากนี้ ยังสามารถ สร้าง Network ของผู้ชม VDO ได้อีกด้วย กล่าวคือ หากเค้าชอบผลงาน หรือสนใจใน VDO ของเราก็จะสามารถ “subscribe” หรือ ติดตามทุกครั้งที่เรา Upload VDO ใหม่ๆ ขึ้นไป ผู้ที่ subscribe เราเอาไว้ก็จะสามารถ รู้ได้ทันที นอกจากนี้ youtube ยังมีฟังค์ชั่น Embed VDO ซึ่งก็จะสามารถนำ VDO ไปใช้ในการตกแต่งเว็บไซด์ของตัวเอง อย่างเช่น Blog เป็นต้น


Youtube มีประโยชน์อย่างไร

Youtube เป็นเครื่องมือทางการตลาดออนไลน์ หรือ Online Marketing Tool ที่ดีมากชนิดนึง เนื่องจากสามารถ Update ข้อมูลข่าวสารต่างๆ หรือ เหตุการณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับ แบรนด์ หรือ สินค้า ได้โดยเห็นภาพทันทีไม่ต้องนึกเอาเอง

การทำการตลาดบน Youtube นั้นคุณสามารถโปรโมท VDO ของ เหตุการณ์ แนะนำสินค้า หรือ บริการต่าง ๆ ได้ และนอกจากนี้เรายังโฆษณาบน Youtube ผ่าน Google Adword ได้



คุณสามารถใช้บัญชี AdWords ที่คุณมีอยู่แล้วเพื่อกำหนดเป้าหมายเป็นหน้าเว็บของ YouTube ผ่านทางเครือข่ายเนื้อหาของ Google ได้ คุณสามารถแสดงโฆษณา AdWords ได้เกือบทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นรูปภาพ วิดีโอ หรือตัวอักษร ไว้ใน บน หรือรอบๆ เนื้อหาวิดีโอของ YouTube

ในช่วงเดือน สิงหาคม ปี 52 ที่ผ่านมา Youtube มียอดการรับชมมากกว่า 25,000 ล้านครั้ง (สองหมื่นห้าพันล้านครั้ง) ซึ่งสถิติที่ Google จับได้ยอดผู้ชมวิดีโอของ YouTube คิดเป็น 40% ของการรับชมวิดีโอออนไลน์จากเว็บไซด์ทั่วโลก

ดังนั้นหากองค์กรใดมองเห็นพลังของ YouTube และใช้ YouTube อย่างถูกวิธี องค์กรนั้นก็สามารถเพิ่มโอกาสและช่องทางธุรกิจอันคาดไม่ถึงให้กับตนเองได้


Youtube เหมาะกับธุรกิจใด

การทำการตลาดบน Youtube เหมาะสำหรับธุรกิจทุกประเภท ทุกขนาด ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้า, บริการ, ธุรกิจ SME หรือ บริษัท ก็สามารถ สร้าง Network ของผู้ที่สนใจในสินค้าหรือบริการนั้นๆ ได้ โดยเน้น การใช้สื่อ ประเภท VDO เป็นหลัก

บริษัทต่างๆ สามารถใช้ Youtube เป็นเครื่องมือประกอบในการทำ CRM เพื่อรักษา และสร้างสัมพันธ์กับลูกค้าเก่าได้ และอีกมุมหนึ่งบริษัทสามารถใช้ Youtube หาลูกค้าใหม่ได้เช่นกัน


กระบวนการทำ Youtube

1. สร้าง Account ที่เหมาะสมสำหรับการทำการตลาดผ่าน Youtube
2. เพิ่มข้อมูลธุรกิจ
3. สร้างและปรับแต่ง Theme ให้เข้ากับธุรกิจ
4. ตัดแต่งคลิปวีดีโอ เพื่อประชาสัมพันธ์ธุรกิจ
5. เพิ่มจำนวนผู้ติดตาม ทั้งบุคคลทั่วไป และ เฉพาะกลุ่มเป้าหมาย
6. รายงานผลประจำเดือน


ทำไมต้องทำ Youtube Marketing กับ NetdesignRank.com

1. เป็นบริษัทในเครือธุรกิจ Netdesign Group ซึ่งก่อตั้งมาเป็นเวลายาวนานกว่า 11 ปี มีลูกค้าให้ความไว้วางใจมากกว่า 100,000 ราย
2. ได้รับส่วนลดในบริการอื่นๆ ของ Netdesign Group อาทิ ส่วนลดค่าเรียนคอร์สคอมพิวเตอร์ด้านต่างๆ, ส่วนลดการเช่าโฮสติ้งของ NetdesignHost, ส่วนลดในการซื้อเว็บสำเร็จรูปของ NetdesignSoft, ส่วนลดในการจ้างทำเว็บระดับแอดวานซ์ของ ND Technology และส่วนลดในการซื้อหนังสือของ NetdesignBooks
3. ทีมงานระดับมืออาชีพ ซึ่งเติบโตมากับวงการนี้โดยตรง ทาง NetDesignRank มีเจ้าหน้าที่ผู้เชี่ยวชาญ ทางด้าน Social Media Marketing โดยเฉพาะ คลุกคลีกับ Youtube มาตั้งแต่ยุคแรกๆ
4. NetdesignRank รู้ดีว่าจะทำ Youtube Marketing อย่างไรให้ประสบความสำเร
 LINE 
 LINE เป็นโปรแกรมแชทที่สามารถใช้งานได้ทั้งโทรศัพท์มือถือที่มีระบบปฏิบัติการ iOS, Android, Windows Phone ล่าสุดสามารถใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์ PC และ Mac ได้แล้ว ด้วยความที่มีลูกเล่นมากมาย สามารถแชท ส่งรูป ส่งไอคอน ส่ง Sticker ตั้งค่าคุยกันเป็นกลุ่ม ฯลฯ ทำให้มีผู้ใช้งานแอพนี้เป็นจำนวนมาก

LINE

สิ่งที่โดดเด่นของ LINE
         - สามารถเพิ่มกลุ่มสนทนาหรือเชิญเพื่อนได้ถึง 100 คน
          - ออกแบบให้สามารถโทร.หากันฟรีแบบ 1 ต่อ 1
          - พัฒนาคุณภาพของการโทร.ให้ดียิ่งขึ้น โดยตัดเสียงรบกวนและเสียงแทรกจากบริเวณรอบๆ ทำให้ผู้ใช้สามารถพูดคุย
          - ส่งวิดีโอ และข้อความเสียงฟรี

การแอดเพื่อนของ LNE สามารถทำได้หลายแบบ เช่น
          - Shake It โดยเข้าโปรแกรม LINE ทั้งเราและเพื่อนแล้วให้เขย่าโทรศัพท์ใกล้ๆ กัน เพียงแค่นี้เพื่อนก็จะถูกแอดเข้ามาในรายชื่อของเราแล้ว
          - แอดเพื่อนจากรายชื่อที่อยู่ในโทรศัพท์ โดยที่สามารถกดเลือกได้เลย
          - แอดเพื่อนด้วย QR code โดยเมื่อเข้าไปแล้วจะมีช่องที่เป็นกล้องให้เราอ่าน QR Code ของเพื่อน
          - แอดเพื่อนโดยการค้นหาไอดีของเพื่อน

          นอกจากนี้ LINE ยังมีโปรแกรมเสริม ทั้ง LINE Camera ที่ถ่ายภาพฟรี พร้อมกรอบกว่า 100 แบบ และแสตมป์แต่งภาพมากกว่า 600 แบบเก๋ๆ โดยจุดเด่นของแอพพลิเคชั่นนี้คือ dki ตกแต่งภาพหลากหลายรวมไปถึงการถ่ายภาพผ่านฟิลเตอร์ถึง 14 แบบ ที่ช่วยปรับแต่งภาพและรายละเอียดให้ภาพของคุณดูดียิ่งขึ้น พร้อมด้วยพู่กันกว่า 156 ชนิด เพื่อให้ผู้ใช้ได้แต่งแต้มด้วยแสตมป์และเลือกแบบตัวอักษรต่างๆ พิมพ์ข้อความลงบนภาพตามสไตล์ของตัวเอง และสามารถแชร์ภาพได้โดยตรงผ่านโซเชียลเน็ตเวิร์กได้อีกด้วย
          อีกทั้งโปรแกรมส่งการ์ดฟรีที่เรียกว่า LINE Card โดยผู้ใช้สามารถส่งข้อความส่วนบุคคล โดยเลือกจากภาพการ์ดต่างๆ ได้ฟรีตามความชอบ และสามารถเลือกภาพของตัวเองจากคลังภาพและแทรกไปในภาพการ์ด เพื่อแต่งเติมและส่งต่อไปถึงบุคคลพิเศษนั่นเอง
          แต่สิ่งที่ถือว่าเป็นการต่อยอดแบบไม่มีหวงของ LINE ก็คือการนำโปรแกรม LINE มาไว้ใน PC สำหรับวินโดวส์และ Mac รวมถึงเบราเซอร์สำหรับสมาร์ทแท็บเล็ต ที่ผู้ใช้ยังสามารถใช้รหัส LINE QR เพื่อเข้าสู่ระบบในเวอร์ชั่นพีซีได้โดยไม่ต้องลงทะเบียนเพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้ไม่พลาดการติดต่อสื่อสารกับเพื่อนผ่านโปรแกรม LINE ไม่ว่าจะเป็นที่บ้านหรือที่ทำงาน รวมถึงบริการของโซเชียลเน็ตเวิร์กต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย
          จากการเติบโตที่รวดเร็วเมื่อเทียบกับโซเชียลเน็ตเวิร์กอื่นๆ แล้ว ถือว่า LINE ได้เปรียบมาก เพราะแค่ 257 วัน ก็มีผู้ใช้ถึง 20 ล้านคน และหลังจากนั้นอีก 6 เดือน เพิ่มขึ้นถึง 35 ล้านคน จะเห็นได้ว่า LINE มีการเพิ่มขึ้นมากถึง 600 เปอร์เซ็นต์
          เรียกได้ว่ามาแรงมากสำหรับโปรแกรม LINE นอกจากจะมีให้โหลดฟรีแล้ว ยังมีคุณสมบัติหลายอย่างให้เราได้เพลิดเพลินในการใช้ ซึ่งถือว่าเป็นการพัฒนาเพื่อตอบสนองกับโลกออนไลน์ในปัจจุบัน ที่ไม่มุ่งหวังแต่รายได้ ทำให้ไม่น่าแปลกใจที่ในสมาร์ทโฟนของคนส่วนใหญ่ จะมีโปรแกรมนี้บรรจุอยู่แทบจะ 100%
แหล่งที่มา http://www.baanmaha.com/community/thread42548.html
http://www.gotoknow.org/posts/310329
http://www.kwamru.com/95
http://socialplugins.blogspot.com/2011/02/youtube.html
http://www.com5dow.com/%E0%B9%84%E0%B8%82%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%9E%E0%B8%97%E0%B9%8C-it/2204-line-%E0%B8%84%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%84%E0%B8%A3.html

เรื่องความรู้เกี่ยวกับ Web Application, Search Engine

เรื่องความรู้เกี่ยวกับ Web Application, Search Engine
เว็บแอพพลิเคชั่น (Web Application) คืออะไร ?
ส่วนมากเรามักจะคุ้นเคยกับการใช้งานคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลที่ติดตั้ง โปรแกรมพวก Microsoft Office ที่ประกอบด้วย Word ที่สำหรับพิมพ์เอกสาร Excel สำหรับสร้างตารางคำนวณ โปรแกรมพวกนี้เราจะเรียกมันว่า Desktop Application ซึ่งจะติดตั้งบนเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลเครื่องใครเครื่องคนนั้น หรือโปรแกรมสำหรับงานบัญชี ที่บางหน่วยงานติดตั้งที่เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นลักษณะ Client-Server Application โดยเก็บฐานข้อมูลไว้ที่เซิร์ฟเวอร์ (Server) และติดตั้งตัวโปรแกรมบัญชีที่เครื่องใช้งาน (Client) ซึ่งตอบสนองความต้องการเพิ่มขึ้นในด้าน Multi-User หรือใช้งานพร้อมๆกันได้หลายๆคน โดยใช้ฐานข้อมูลเดียวกัน เก็บฐานข้อมูลไว้ที่ส่วนกลาง 
เทคโนโลยี Desktop Application ไม่สามารถตอบสนองความต้องการการบริหารจัดการได้ โดยเฉพาะการทำธุรกิจที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตลอดเวลา ข้อมูลมีการเคลื่อนไหวตลอดเวลา เพื่อตอบสนองภาวะตลาดที่แปรเปลี่ยน ระบบ Client-Server Application ตัวโปรแกรมมีความซับซ้อน การแก้ไข การ Upgrade ทำได้ยุ่งยาก อย่างกรณี หากต้องการ Upgrade หรือเพิ่มคุณสมบัติเพิ่มเติมให้กับ Application ที่ตัวเซิร์ฟเวอร์ต้องหยุดระบบทั้งหมด และเมื่อ Upgrade ที่เซิร์ฟเวอร์แล้ว ก็จำเป็นต้อง Upgrade ที่ Client ด้วย หากระบบมีผู้ใช้งานจำนวนมาก จะยิ่งเพิ่มความยุ่งยากมากขึ้น
นอกจากนี้ยังไม่รวมปัญหาว่า ที่เครื่อง Client มีความหลากหลายและแตกต่างกัน เช่น OS (Operating System) ที่ต่างกัน สเปคเครื่องที่แตกต่างกัน ซึ่งหากการ Upgrade แล้วมีความจำเป็นต้องใช้สเปคเครื่องที่สูงขึ้นที่ฝั่ง Client จำเป็นต้อง Upgrade ตัวเครื่องคอมพิวเตอร์ตามไปด้วย
จากตัวอย่างปัญหาเหล่านี้ ถูกจัดการด้วยเทคโนโลยี Web Application (เว็บแอพพลิเคชั่น) เพราะ Web Application สามารถตอบสนองปัญหาข้างต้นได้เป็นอย่างดี และสามารถแทนที่ Desktop Application ที่เป็น Client-Server Application ได้เป็นอย่างดี ตัวโปรแกรมของ Web Application จะถูกติดตั้งไว้ที่ Server คอยให้บริการกับ Client และที่ Client ก็ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรมเพิ่มเติม สามารถใช้โปรแกรมประเภท Brower ที่ติดมากับ OS ใช้งานได้ทันที อย่าง Internet Explorer หรือโปรแกรมฟรี ได้แก่ FireFox, Google Chrome ซึ่งกำลังเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก ด้วยความสามารถของ Brower ที่หลากหลาย ทำให้ไม่จำกัดว่าเครื่องที่ใช้เป็น OS อะไร หรืออุปกรณ์อะไร อย่างอุปกรณ์ TouchPad หรือ SmartPhone ก็สามารถเรียกใช้งานได้ ลดข้อจำกัดเรื่องสถานที่ใช้งานอีกด้วย
จุดเด่นอีกอย่างหนึ่ง คือข้อมูลที่ส่งหากัน ระหว่าง Client กับ Server มีปริมาณน้อยมาก ทำให้เราสามารถย้ายเซิร์ฟเวอร์ไปอยู่บนเครือข่าย Internet ได้ และสามารถใช้งานผ่าน Internet Connection ที่มีความเร็วต่ำๆได้ จุดเด่นนี้ทำให้ สามารถใช้ Application เหล่านี้จากทุกๆแห่งในโลกได้
Search Engine คืออะไร
เสิร์ชเอนจิน (search engine) คือ โปรแกรมที่ช่วยในการสืบค้นหาข้อมูล โดยเฉพาะข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต โดยครอบคลุมทั้งข้อความ รูปภาพ ภาพเคลื่อนไหว เพลง ซอฟต์แวร์ แผนที่ ข้อมูลบุคคล กลุ่มข่าว และอื่น ๆ ซึ่งแตกต่างกันไปแล้วแต่โปรแกรมหรือผู้ให้บริการแต่ละราย. เสิร์ชเอนจินส่วนใหญ่จะค้นหาข้อมูลจากคำสำคัญ (คีย์เวิร์ด) ที่ผู้ใช้ป้อนเข้าไป จากนั้นก็จะแสดงรายการผลลัพธ์ที่มันคิดว่าผู้ใช้น่าจะต้องการขึ้นมา ในปัจจุบัน เสิร์ชเอนจินบางตัว เช่น กูเกิล จะบันทึกประวัติการค้นหาและการเลือกผลลัพธ์ของผู้ใช้ไว้ด้วย และจะนำประวัติที่บันทึกไว้นั้น มาช่วยกรองผลลัพธ์ในการค้นหาครั้งต่อ ๆ ไป

สัดส่วนของผู้ใช้ในสหรัฐอเมริกา (ข้อมูลจาก นิตยสารฟอรบส์ ฉบับวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2548)
1. กูเกิล (Google) 36.9%
2. ยาฮูเสิร์ช (Yahoo! Search) 30.4%
3. เอ็มเอสเอ็นเสิร์ช (MSN Search) 15.7%

นอกจากด้านบน เว็บอื่น ๆ ที่เป็นที่นิยมได้แก่
- เอโอแอล (AOL Search)
- อาส์ก (Ask)
- เอ 9 (A9)
- ไป่ตู้ (Baidu, 百度) เสิร์ชเอนจิน อันดับ 1 ของประเทศจีน
แหล่งที่มาhttp://www.clickmedesign.com/article/search-engine.html
                 http://www.aicomputer.co.th/sArticle/002-what-is-Web-Application.aspx

เรื่องความหมายคำศัพท์ WAP, WIFI, ISP, HTML, GPRS, CDMA, Bluetooth

เรื่องความหมายคำศัพท์ WAP, WIFI, ISP, HTML, GPRS, CDMA, Bluetooth
                 WAP ย่อมาจาก Wireless Application Protocal เป็น Communication Protocal ที่มีพื้นฐานมาจาก Internet Protocal ซึ่ง WAP เป็นมาตรฐานเปิดของระบบการสื่อสารด้านข้อมูลไร้สาย การใช้งานอินเทอร์เน็ต ผ่านบริการของเครื่องมือสื่อสารไร้สาย อันได้แก่ โทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือ เครื่องมือสื่อสารไร้สาย อื่นๆ (โดยไม่ต้องมีโมเด็มหรือตัวแปลงสัญญาณอื่นๆ)

               Wi-Fi ย่อมาจาก Wireless Fidelity เป็นศัพท์ของประเภทเครือข่ายท้องถิ่นไร้สาย (WLAN : Wireless Local Area Network)

               ISP ย่อมาจาก Internet Service Provider หมายถึง ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต หน้าที่หลักคือการให้บริการอินเทอร์เน็ต โดยจะรวมไปถึงบริการ Webhosting ซึ่งหมายถึง บริการให้เช่าพื้นที่ Website และผู้ที่ทาหน้าที่ดูแล Webboard สาธารณะ โดยอาจรวมถึง Webmaster ที่มีความรับผิดชอบโดยตรงกับข้อมูลที่ปรากฏบนเวบด้วย บริษัทที่เป็นผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เช่น บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชั่น เซอร์วิส จากัด , บริษัท เคเอสซี คอมเมอร์เชียล อินเทอร์เน็ต จากัด, บริษัท อินโฟ แอคเซส จากัด, บริษัท สามารถ อินโฟเน็ต จากัด เป็นต้น

                HTML ย่อมาจาก Hypertext Markup Language คือ ภาษามาตรฐานที่ใช้ในการสร้าง เว็บเพจ เพื่อนาไปแสดงผลในโปรแกรม Web browser เอกสารเว็บเพจจะมีนามสกุลเป็น .htm หรือ .html - 166 - เทคโนโลยีสารสนเทศเพื่อการเรียนรู้

                GPRS ย่อมาจาก General Packet Radio Services เป็นบริการด้านการสื่อสารไร้สายแบบแพคเก็ตที่ยอมให้อัตราข้อมูลจาก 56 ถึง 114 kbps และการเชื่อมต่อเนื่องกับอินเตอร์เน็ตสาหรับผู้ใช้โทรศัพท์และคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค GPRS มีพื้นฐานบนการสื่อสารแบบ Global System for Mobile (GSM)

                 CDMA ย่อมาจาก Code Division Multiple Access คือเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สายด้วยระบบดิจิตอล ได้รับการคิดค้นและพัฒนาโดยบริษัท Qualcomm ซึ่งระบบซีดีเอ็มเอนี้ เป็นการสื่อสารกันด้วยสัญญาณที่เข้ารหัสไว้แล้ว ซึ่งจะมีเพียงเครื่องส่งและเครื่องรับเท่านั้นที่จะสามารถถอดรหัสสัญญาณดังกล่าวได้ หรือเปรียบเสมือนการพูดภาษาที่จะเข้าใจเฉพาะผู้ส่งและผู้รับเท่านั่น โดยจะทำหน้าที่แปลงคำพูดเป็นข้อมูลแบบดิจิตอล และส่งผ่านข้อมูลในรูปของสัญญาณวิทยุไปบนเครือข่ายไร้สาย

                 BLUETOOTH คือ ระบบสื่อสารของอุปกรณ์อิเล็คโทรนิคแบบสองทาง ด้วยคลื่นวิทยุระยะสั้น (Short-Range Radio Links) โดยปราศจากการใช้สายเคเบิ้ล หรือ สายสัญญาณเชื่อมต่อ และไม่จำเป็นจะต้องใช้การเดินทางแบบเส้นตรงเหมือนกับอินฟราเรด ซึ่งถือว่าเพิ่มความสะดวกมากกว่าการเชื่อมต่อแบบอินฟราเรด ที่ใช้ในการเชื่อมต่อระหว่างโทรศัพท์มือถือ กับอุปกรณ์ ในโทรศัพท์เคลื่อนที่รุ่นก่อนๆ และในการวิจัย ไม่ได้มุ่งเฉพาะการส่งข้อมูลเพียงอย่างเดียว แต่ยังศึกษาถึงการส่งข้อมูลที่เป็นเสียง เพื่อใช้สำหรับ Headset บนโทรศัพท์มือถือด้วยเทคโนโลยี บลูทูธ เป็นเทคโนโลยีสำหรับการเชื่อมต่ออุปกรณ์แบบไร้สายที่น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่งในปัจจุบัน ทั้งในเรื่องความสะดวกในการใช้งานสำหรับผู้ใช้ทั่วไป และประสิทธิภาพในการทำงาน เนื่องจาก เทคโนโลยี บลูทูธ มีราคาถูก ใช้พลังงานน้อย และใช้เทคโนโลยี short – range ซึ่งในอนาคต จะถูกนำมาใช้ในการพัฒนา เพื่อนำไปสู่การแทนที่อุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้สาย เคเบิล เช่น Headset สำหรับโทรศัพท์เคลื่อนที่ เป็นต้น ฺิิิ เทคโนโลยีการเชื่อมโยงหรือการสื่อสารแบบใหม่ที่ถูกคิดค้นขึ้น เป็นเทคโนโลยีของอินเตอร์เฟซทางคลื่นวิทยุ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของการสื่อสารระยะใกล้ที่ปลอดภัยผ่านช่องสัญญาณความถี่ 2.4 Ghz โดยที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อลดข้อจำกัดของการใช้สายเคเบิลในการเชื่อมโยงโดยมีความเร็วในการเชื่อมโยงสูงสุดที่ 1 mbp ระยะครอบคลุม 10 เมตร เทคโนโลยีการส่งคลื่นวิทยุของบลูทูธจะใช้การกระโดดเปลี่ยนความถี่ (Frequency hop) เพราะว่าเทคโนโลยีนี้เหมาะที่จะใช้กับการส่งคลื่นวิทยุที่มีกำลังส่งต่ำและราคาถูก โดยจะแบ่งออกเป็นหลายช่องความถึ่ขนาดเล็ก ในระหว่างที่มีการเปลี่ยนช่องความถึ่ที่ไม่แน่นอนทำให้สามารถหลีกหนีสัญญานรบกวนที่เข้ามาแทรกแซงได้ ซึ่งอุปกรณ์ที่จะได้รับการยอมรับว่าเป็นเทคโนโลยีบลูทูธ ต้องผ่านการทดสอบจาก Bluetooth SIG (Special Interest Group) เสียก่อนเพื่อยืนยันว่ามันสามารถที่จะทำงานร่วมกับอุปกรณ์บลูทูธตัวอื่นๆ และอินเตอร์เน็ตได้
แหล่งที่มา http://www.bcoms.net/tipcomputer/detail.asp?id=1783

เรื่องความหมายคำศัพท์ Web Site, Web page, Homepage, Webmaster, WWW และ TCP/IP

เรื่องความหมายคำศัพท์ Web Site, Web page, Homepage, Webmaster, WWW และ TCP/IP

Web Site (เว็บไซท์ ) เป็นที่เก็บเว็บเพจเปรียบเหมือนเป็นบ้านซึ่งมีเลขที่บ้าน เว็บไซท์ก็มีชื่อเว็บไซท์ซึ่งขึ้นต้นด้วย http://www.__ . __
Web Page ( เว็บเพจ ) คือเอกสารที่นำเสนอผลงาน บนระบบอินเตอร์เน็ตโดยจะถูกเรียกและจัดรูปแบบการนำเสนอด้วยโปรแกรบราวเซอร์(Browsers)
Home Page (โฮมเพจ) เป็นเว็บเพจหน้าแรกสุดของข้อมูลแต่ละเรื่อง เปรียบเสมือนปกหนังสือ ส่วนของโฮมเพจนี้เป็นส่วนที่บอกให้ทราบว่าข้อมูลนี้เป็นข้อมูลเรื่องใด
พร้อมทั้งมีหัวข้อย่อยต่างๆ แยกออกไปตามแต่ผู้ใช้ต้องการจะเข้าไปค้นคว้า
เว็บมาสเตอร์(Webmaster) คือ ผู้ดูแล และกําหนดนโยบายของเว็บด้านต่าง ๆ  เช่น การ  ออกแบบเว็บ  การบํารุงรักษา   และสร้างระบบฐานข้อมูล  การรวบรวมรูปถ่าย หรือปรับแต่งภาพ  รวมไปถึงการเป็นผู้ดูแลด้านการตลาด  บัญชี  และการเงิน  เป็นต้น
WWW (เวิลลด์ ไวด์ เว็บ)  เป็นที่รู้จักกันในนาม เครือข่ายใยแมงมุม เป็นบริการทางอินเทอร์เน็ตเราสามารถ ใช้บริการต่าง ๆผ่าน Browser ได้ เช่น E-mail (อีเมล) การรับส่งข้อมูลระหว่างกัน Chat (เช็ท) การพูดคุยกันผ่านทางอินเทอร์เน็ตและ เว็บไซท์ต่าง ๆ
TCP/IP ย่อมาจากคำว่า transmission control protocol / internet protocol แปลว่า กฏเกณฑ์การควบคุมการส่งผ่านตามมาตรฐานอินเทอร์เน็ต หมายถึง มาตรฐานที่สร้างขึ้นในเรื่องของการเชื่อมต่อข้อมูลระหว่างเครื่องปลายทาง (terminal) ในเครือข่ายคอมพิวเตอร์ หรือตัวเลียนแบบ
แหล่งที่มา http://www.krusamut.com/?p=389

เรื่องความหมายคำศัพท์ Internet, Intranet, Domain Name, Host

เรื่องความหมายคำศัพท์ Internet, Intranet, Domain Name, Host

ความหมายของอินเทอร์เน็ต
internet (อินเทอร์เน็ต) คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อกันจำนวนมากละครอบคลุมไปทั่วโลก เครือข่ายเหล่านี้เชื่อมเข้าหากันภายใต้กฎเกณฑ์ที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน


ความหมายของอินทราเน็ต

อินทราเน็ต (Intranet) คือ ระบบเครือข่ายภายในองค์กร เป็นบริการ และการเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์เหมือนกันอินเทอร์เน็ต แต่จะเปิดให้ใช้เฉพาะสมาชิกในองค์กรเท่านั้น เช่น อินทราเน็ตของธนาคารแต่ละแห่ง หรือระบบเครือข่ายมหาดไทย ที่เชื่อมศาลากลางทั่วประเทศ เป็นต้น เป็นการสร้างระบบบริการข้อมูลข่าวสาร ซึ่งเปิดบริการคล้ายกับอินเทอร์เน็ตเกือบทุกอย่าง แต่ยอมให้เข้าถึงได้เฉพาะคนในองค์กรเท่านั้น เป็นการจำกัดขอบเขตการใช้งาน ดังนั้นระบบอินเทอร์เน็ตในองค์กร ก็คือ "อินทราเน็ต" นั่นเอง แต่ในช่วงที่ชื่อนี้ยังไม่เป็นที่นิยม ระบบอินทราเน็ต ถูกเรียกในหลายชื่อ เช่น Campus network, Local internet, Enterprise network เป็นต้น 



Domain Name คืออะไร

Domain Name (โดเมน) คือ ชื่อเว็บไซต์ (www.yourdomain.com) ที่ท่านสามารถเป็นเจ้าของ ซึ่งจะต้องไม่ซ้ำกับคนอื่น เพื่อการเรียกหาเว็บไซต์ที่ต้องการ "ชื่อเว็บไซต์" คือ สิ่งแรกที่แสดง หรือ ประกาศความมีตัวตนบนอินเตอร์เน็ตให้คนทั่วไปได้รู้จัก สามารถมีได้ชื่อเดียวในโลกเท่านั้น เช่น www.gict.co.th เมื่อผู้ใช้กรอกชื่อลงไปในช่อง Address ของ Internet Explorer ก็จะส่งชื่อไปร้องถามจากเครื่องแปลชื่อ โดเมน (Domain Name Server) และได้รับกลับมาเป็นไอพีแอดเดรส (Internet Protocol) แล้วส่งคำร้องไปให้กับเครื่องปลายทางตามไอพีแอดเดรส และได้ข้อมูลกลับมาตามรูปแบบที่ร้องขอไป


Host คืออะไร

Host ( Hosting, Web Hosting) คือ การเช่าพื้นที่เว็บไซต์ หากคุณต้องการมีเว็บไซต์ ก่อนอื่นคุณต้องจดโดเมนเนมก่อน จากนั้นคุณต้องจ้างให้คนทำเว็บให้ แล้วจึงเช่า Host เพื่อเก็บเว็บไซต์ คุณสามารถเช่า Host พร้อมจดโดเมนเนมได้ (โดเมนเนมคือชื่อเว็บไซต์เช่น www.jaideehosting.com เว็บไซต์ของ jaideehosting ) หากคุณเช่า Host และ จดโดเมนเนมที่เดียวกัน คุณก็สามารถใช้เว็บไซต์ได้ทันที

สรุปแล้ว Host คือการให้บริการรับฝากเว็บไซต์ โดย ราคานั้นจะขึ้นอยู่กับพื้นที่ หากคุณใช้พื้นที่ทำเว็บไซต์น้อย คุณก็เช่า Host
โดยเลือกพื้นที่ Host ไม่ต้องมากนักเป็นต้น หากคุณใช้อีเมล์ คุณก็ต้องเลือก Host ที่มาพร้อมกับอีเมล์ 
แหล่งที่มา

http://kang1608.blogspot.com/2011/08/blog-post_23.html

http://www.krusamut.com/?p=389

http://domain-name.gict.co.th/

http://host.jaideehosting.com/